บทที่ 13 ถ้ำกลางป่า
ทั้งสามเดินเข้าไปในถ้ำ ซูเต๋อนำคบไฟที่ติดมือมาจุดเพื่อเพิ่มความสว่างในถ้ำ ทำให้ทั้งสามมองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในได้ชัดเจนราวกับตอนกลางวัน
เมื่อสายตาสำรวจไปทั่วถ้ำแล้ว ซูเต๋อก็ต้องอ้าปากค้าง นอกจากเห็ดที่ยังไม่ได้เดินเข้าไปดูแล้ว ที่ผนังถ้ำยังมีบางสิ่งที่เขาบอกไม่ถูกคือสิ่งใด แต่รู้ว่าคงม่ค่าไม่น้อย
“นี่คืออันใด” ซูเต๋อลูบมือไปตามผนังถ้ำ เพราะสิ่งที่อยู่ปนกับหินของผนังถ้ำ เมื่อถูกแสงไฟจากคบไฟแล้วยิ่งเปล่งประกายต่างจากหินทั่วไป
“เหล็ก” ซูเจินตะโกนออกมา
“เจ้าหมายถึงแร่เหล็กรึ” ซูเต๋อเอ่ยถามบุตรสาวที่สายตาของนางยังจ้องแร่เหล็กตาไม่กะพริบ
“อืม จือ” นางชี้ไปที่เห็ดที่ขึ้นตามรากไม้ที่อยู่ติดกับผนังถ้ำ
“คืออันใด” ซูเต๋อ เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“เห็ด”
“หลิน”
“จือ” เพราะลิ้นที่ยังแข็ง ซูเจินต้องใช้พลังไม่น้อยในการเปล่งคำทั้งหมดออกมา
“เห็ดหลินจือรึ!!!” ซูเต๋อตะโกนจนดังก้องไปทั่วทั้งถ้ำ
“อืม เก็บ” ซูเจินดึงเสื้อของบิดาให้รีบเก็บลงตะกร้า
ซูเต๋อไม่หยุดคิดเรื่องแร่เหล็กอีกแล้ว เขารีบเก็บเห็ดหลินจือทั้งหมดเข้าตะกร้ากับจิ่วเม่ยในเวลาไม่นาน
ซูเจินนางก็มองเห็ดดอกใหญ่กว่าใบหน้าของนางอย่างตื่นเต้น นางไม่ค่อยได้พบเห็นเห็ดหลินจือที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ นอกจากจะพบในห้องทดลองในองค์กรไม่ว่าจะใหญ่ขนาดไหนก็มี
เห็ดมากกว่าสามสิบดอกจัดเรียงอย่างไรก็ไม่อาจจะวางลงในตะกร้าได้ทั้งหมด ในตอนที่ซูเต๋อกำลังจะเดินไปหาใบไม้มาห่อและทำเป็นตะกร้าใส่เห็ดกลับเรือน ซูเจินนางก็ทำสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดขึ้น
“หลันฮวา ข้าเก็บของพวกนี้เข้าไปในมิติได้หรือไม่” ซูเจินสื่อสารกับหลันฮวาที่อยู่ในมิติ
“ได้เจ้าค่ะ ของที่นำมาเก็บจะคงสภาพเช่นเดิม ไม่เน่าเปื่อยเจ้าค่ะ”
“ดีมาก ฝากเจ้าดูแลด้วย”
ซูเจินโบกมือน้อยๆ ของนาง เห็ดหลินจือทั้งหมดก็หายไปราวปาฏิหาริย์
“เฮ้ยยย” ซูเต๋อกับจิ่วเม่ยทั้งร้อง ทั้งกระโดดถอยออกไปอย่างตกใจ
ซูเจินตบที่อกของนาง พร้อมทั้งเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ “เก็บ”
“เจินเออร์ แล้วนำออกมาได้หรือไม่” ซูเต๋อเอ่ยถามบุตรสาวอย่างกังวล
“ได้” ซูเจินเรียกให้เห็ดหลินจือที่นางนำไปเก็บออกมาอีกครั้งต่อหน้าบิดามารดา
“ดีดี” ทั้งสองจึงได้โล่งอก ถึงอย่างไรก็ยังนำออกมาได้ อีกทั้งยังปลอดภัยจากสายตาของชาวบ้านอีกด้วย
“แล้วจะทำอย่างไรกับแร่เหล็กดี” ซูเต๋อเอ่ยถามอย่างกังวล
เขาควรจะส่งเรื่องแจ้งให้ทางการรู้ดีหรือไม่ หรือแจ้งแม่ทัพจ้าวดี
ซูเจินที่ได้ยินที่บิดาบ่นพึมพำก็เอ่ยขึ้นทันที “ซื้อ”
“ซื้ออันใดลูก”
“นี่” ซูเจินทำมือวาดกว้างๆ ว่านางให้ซื้อภูเขาลูกนี่เลย ต่อจะทำอันใดกับแร่เหล็กก็ได้
“ซื้อภูเขาอย่างนั้นรึ” ซูเต๋อเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“แล้วจะเอาเงินมาจากไหน” จิ่วเม่ยเอ่ยออกมาอย่างกังวล ไม่ว่าเรื่องอันใดที่บุตรสาวนางพูดนางเชื่อเช่นนั้นเสมอ
“นี่” ซูเจินทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนที่นางจะเรียกเห็ดออกมาอีกครั้งให้มารดาได้ดู
“จริงด้วย” จิ่วเม่ยร้องออกมาอย่างยินดี
นางไม่รู้จะอธิบายให้บิดาได้ฟังอย่างไร หากไปแจ้งทางการอย่างที่เขาคิดตอนนี้ ทุกอย่างคงโดนทางการยึดครองไปเสียหมด ครอบครัวของนางคงไม่ได้ผลประโยชน์อันใดในเรื่องนี้เลยสักอย่าง
“เช่นนั้นก็ตามนี้ ไว้ข้าเข้าเมืองไปขาดเห็ดที่ได้มา แล้วจะไปจัดการเรื่องซื้อที่ดิน” ซูเต๋อก็ไม่มีข้อโต้แย้งในเรื่องนี้ ที่ดินเป็นของเขาเมื่อใดเคยส่งเรื่องให้แม่ทัพจ้าวก็ยังไม่สาย
อยู่มาจนจะห้าสิบหนาวแล้วยังไม่เคยพบเห็นเห็ดหลินจือที่สมบูรณ์และใหญ่โตเช่นนี้มาก่อน จึงอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
ซูเจินเห็นว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ และเอ่ยพูดกับนางอย่างเมตตาจึงได้ส่งยิ้มหวานให้เขาไปหนึ่งที ในตอนแรกสหายทั้งสามของซูเจินตื่นตัวขึ้นมาทันที คิดว่าจะเกิดอันตรายกับนาง แต่พอเห็นซูเจินนางยิ้มออกมาจึงได้กลับไปอยู่ที่ไหล่ของนางเช่นเดิม
“เห็ดหลินจือพันปี” เขาพึมพำออกมาอย่างเลื่อนลอย
“เอ่อ ท่านหมอ ท่านจะซื้อหรือไม่ขอรับ” ซูเต๋อทนรอไม่ไหว เพราะหมอกู้ลูบคลำเห็นหลินจือ ของเขามาเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว
“ซื้อ ซื้อ เจ้าใจร้อนเสียจริง” เขามองค้อนซูเต๋อที่ขัดขวางช่วงเวลาที่เขาชื่นชมเห็ดหลินจืออยู่
“หิว” ซูเจินลูบท้องน้อยๆ ของนาง นางอยากจะเร่งให้เขารีบจ่ายเงินจะได้ไปหาของอร่อยกินเสียที
“โอ้ เด็กน้อยหิวเสียแล้ว” เขามองซูเจินอย่างชื่นชม เด็กน้อยตรงหน้าคงไม่เกินหนึ่งขวบปีอย่างแน่นอน กลับพูดออกมาตอนที่บิดาของนางกำลังลำบากใจได้
หมอกู้ให้หลงจู๊อู๋ไปจัดการหาอาหารมาให้ทั้งสามคนได้กิน เพราะเขาคิดว่าคงอีกนานที่จะพูดคุยเรื่องราคากันเรียบร้อย
รอไม่นานหลงจู๊อู๋ก็ยกอาหารเข้ามาด้านใน ซูเต๋อให้จิ่วเม่ยพาบุตรสาวไปนั่งกินก่อน เขาจะเจรจาเรื่องราคากับหมอกู้
“ห้าพันตำลึงทอง เจ้าเห็นเป็นเช่นใดบ้าง” หมอกู้เอ่ยถามออกมา เมื่อเขาตัดสินใจเรื่องราคาได้แล้ว หากเห็ดหลินจือทั้งสามดอกนี้ถูกส่งเข้าเมืองหลวง ต้องทำเงินให้เขาได้ไม่ต่ำกว่าดอกละหนึ่งหมื่นตำลึงอย่างแน่นอน
“นายหญิง แม้ราคาที่ท่านหมอกู้ให้จะดูสูง แต่เห็ดทั้งสามดอกก็ไม่ได้พบเห็นง่ายๆ ท่านควรจะบอกท่านพ่อให้เพิ่มราคาเจ้าค่ะ” เสี่ยวมี่บอกซูเจิน
